
๒. | ||
|
การสืบทอดพันธุ์ของเต่าทะเล ในแต่ละปี จะมีเต่าทะเลที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ผสมพันธุ์ตามบริเวณต่าง ๆ ในมหาสมุทร หลังจากนั้นเต่าทะเลตัวเมียจะขึ้นหาดขุดทรายวางไข่ โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า เต่าทะเลทุกชนิดขึ้นมาวางไขเฉพาะเวลากลางคืน ยกเว้น Kemp's ridley เพียงชนิดเดียวที่ขึ้นมาวางไข่ตอนกลางวัน และส่วนใหญ่จะขึ้นมาวางไข่บนหาดที่ถือกำเนิด เต่าทะเลตัวเมียเมื่อขึ้นจากน้ำก็จะคลานขึ้นมาบนหาดเพื่อหาจุดที่เหมาะสมในการวางไข่ แต่ถ้าพบว่า หาดนั้นมีแสงสว่างและเสียงรบกวนจะคลานกลับลงน้ำโดยไม่วางไข่ เมื่อพบจุดที่ต้องการก็จะใช้พายคู่หลังขุดหลุม จนมีลักษณะคล้ายหม้อสองหู การขุดก็จะทำอย่างระมัดระวังโดยใช้พายข้างหนึ่งโกยทรายแล้วดีดออก เมื่อทรายที่ขุดมากขึ้นก็จะใช้พายอีกข้างช่วยโกยออก ต่อจากนั้นก็จะวางไข่ ซึ่งมีลักษณะนิ่มคลุ่ม โดยเต่าแต่ละตัวสามารถที่จะขึ้นมาวางไขได้สองหรือสามครั้ง ขณะที่วางไข่ จะสังเกตเห็นว่ามีของเหลวไหลออกมาจากตา ทั้งนี้เพื่อรักษาระดับความชื่นและป้องกันทรายเข้าตา ไข่เต่าแต่ละฟองจะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 ถึง 7 เซนติเมตร (1.5 - 2.5 นิ้ว) หลังจากไข่เสร็จ เรียบร้อยแล้วก็กลบหลุมและทุบทรายให้แน่น แล้วพรางหลุมโดยการกวาดทราบข้างเคียงจนสังเกตตำแหน่งได้ยาก ในแต่ละฤดูกาล เต่าตัวเมียจะวางไข่ทุกช่วงสัปดาห์จนกว่าจะหมดท้อง ซึ่งบางตัวอาจจะมีถึง 1,000 ฟอง โดยใช้เวลาในการขึ้นมา วางไข่บนหาด 3-8 ครั้ง แล้วจะกลับมาวางไข่อีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไป 2-4 ปี ดังนั้น จำนวนรังในแต่ละปีจึงเปลี่ยนแปลงตลอด ด้วยสาเหตุที่ปริมาณการรอดตายของลูกเต่าทะเลน้อยมาก ดังนั้น ในการวางไข่แต่ละครั้งจึงมีจำนวนมาก ถ้าหาดที่เต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ มีพื้นที่น้อย โอกาสที่ไข่เต่าทะเลจะถูกทำลายโดยน้ำท่วมหรือจากน้ำฝนจะมีมาก อุณหภูมิภายในหลุมก็มีผลกระทบต่อการฟังตัว กล่าวคือ ถ้าอุณหภูมิอยู่ในระดับปรกติ โอกาสที่ลูกเต่าทะเลจะฟังจากไข่เป็นเพศเมียทั้งหมดมีมาก ในทำนองเดียวกัน ถ้าอุณหภูมิภายในหลุม ต่ำกว่าภายนอก ลูกเต่าทะเลที่ออกจากไข่ก็จะเป็นเพศผู้ทั้งสิ้น ไข่เต่าทะเลที่รอดจากน้ำท่วมและสัตว์อื่นกินเป็นอาหาร ก็จะฟักออกมาเป็นตัวภายใน 60 วันพร้อมกัน เมื่อลูกเต่าทะเลออกจากไข่ก็จะคลานขึ้น ผิวทราย ก่อนจะถึงผิวหน้าทรายก็จะหยุดตรงจุดที่ลึกจากผิวประมาณ 5 เซนติเมตร เพื่อรอให้อุณหภูมิภายนอกต่ำจึงออกจากทราย ซึ่งส่วนใหญ่ ก็เป็นเวลากลางคืนจึงออกจากลุมแล้วคลานลงทะเลอย่างรวดเร็ว ช่วงคลานลงทะเลนี้จะเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด ลูกเต่าทะเลทุกตัวจะหันหัวไป ยังเส้นขอบฟ้าในทะเลที่สว่างที่สุด ถ้ามีแสงบนหาดก็จะชักจูงให้คลานเข้าหาและในที่สุดก็จะตาย มีสัตว์หลายชนิดกินลูกเต่าทะเลเป็นอาหาร เช่น ในช่วงที่คลานลงทะเลก็จะเกิดอันตรายจากนก สัตว์เลื้อยคลาน หรือสัตว์ผู้ล่าอื่นๆ รวมทั้งมนุษย์ เมื่อถึงน้ำอาจจะถูกปลาฉลามกินเป็นอาหารได้ ในสัปดาห์แรก ลูกเต่าทะเลไม่สามารถที่จะดำน้ำและใช้ชีวิตใต้ท้องทะเลได้เป็นเวลานาน และยังว่ายน้ำไม่แข็งพอที่จะหลบหลีกจากผู้ล่าได้ การหลบหลีกศัตรูในช่วงนี้จึงใช้วิธีหลบอาศัยและดำรงชีวิตตามสาหร่ายหรือพืชทะเลที่ล่องลอยในทะเลลึก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ปี ยังไม่มีผู้ใด รู้ว่าลูกเต่าทะเลใช้เวลาจนโตเต็มที่นานเท่าใด แต่ได้มีการประมาณว่าอยู่ในช่วง 8 ถึง 50 ปี เวลาอันยาวนานนี้ ทำให้มีปัญหาในการอนุรักษ์เป็น อย่างมาก จำนวนลดลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนนั้นเกิดจากมนุษย์และการติดอวนประมงเป็นส่วนใหญ่
| |||
2.เต่าตะนุ (GREEN SEA TURTLE) ชื่อวิทยาศาสตร์ Chelonia mydas เมื่อโตเต็มที่วัดกระดองได้ 90-100 เซนติเมตร (35-43 นิ้ว) น้ำหนักประมาณ 110-180 กิโลเมตร (250-400 ปอนด์) บริเวณพายมีเล็กแหลม กระดองเป็นเกล็ดเรียงกันมีสีน้ำตาลโอลีพหรือสีดำ ส่วนใต้ท้องกระดองมีสีเหลืองหรือสีครีมอ่อน เต่าตะนุเป็นเต่าทะเลกระดองแข็งที่มีขนาดใหญ่ที่สด กินพืชเป็นอาหาร โดยเฉพาะพวกสาหร่าย หรือหญ้าทะเล ![]() | |||
4.เต้าหญ้าหรือเต่าสังกะสี (OLIVERIDLEY SEA TURTLE) ชื่อวิทยาศาสตร์ Lepidochelys loiyacea มีขนาดเล็กที่สุด อาศัยตามบริเวณชายฝั่งทะเล เมื่อโตเต็มที่กระดองมีขนาดประมาณ 60-70 เซนติเมตร (23-26 นิ้ว) น้ำหนัก 35-40 กิโลกรัม (80-90 ปอนด์) กระดองสีน้ำตาลโอลิพ เรียงกันคล้ายสังกะสี ส่วนท้องสีเหลืองออกขาว อาหารกินได้ทั้งพืชและสัตว์ เช่น กุ้ง ปลา แมงกระพรุน ปู หอย สาหร่าย และหญ้าทะเล | |||
หลังจากที่ลูกเต่าทะเลฟักออกจากไข่จะยังไม่ออกจากหลุมทันที จนกว่า 2-3 วันผ่านไป ลูกเต่าทะเลจึงจะหันหัวขึ้นในลักษณะเตรียมโผล่พ้นพื้นทราย ตัวใดไม่สามารถโผล่พ้นทรายได้ก็จะตาย และโดยสัญชาติญาณเมื่อลูกเต่าโผล่พ้นทรายมาก็จะลงสู่ทะเลทันที ซึ่งเป็นในช่วงเวลากลางคืน จากการศึกษาลูกเต่าวัยอ่อนอายุประมาณ 2-4 สัปดาห์ พบว่าเมื่อทำการปล่อยลูกเต่าแล้ว ลูกเต่าจะเริ่มว่ายน้ำแข่งกันออกสู่ทะเลลึก แต่มีบางตัวที่ว่ายหลบซ่อนอยู่ตามโขดหินและหมู่ปะการัง และจาการศึกษายังพบอีกว่าลูกเต่าตนุที่มีอายุ ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป ลูกเต่าจะมีกระดองที่แข็งและว่ายน้ำได้ว่องไว จะมีขนาดความยาวประมาณ 4-5 นิ้ว ซึ่งเป็นระยะที่ปลอดภัยจาการเป็นอาหารของปลาและนก นอกจากนี้เรื่องเต่าทะเลที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ลูกเต่าทะเลที่มีขนาดเล็กกว่า 1 กก. จะไม่พบเห็นอยู่ตามธรรมชาติ เต่าได้พัฒนาสายพันธุ์โดยเป็นการวิวัฒนาการของสัตว์เลื้อยคลานในยุค TRIASSIC เมื่อ 200 ล้านปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นยุคของไดโนเสาร์ ตอนแรกเข้าใจว่าเต่ามีฟันแหลมคมเช่นเดียวกับฉลาม เต่าบางชนิดอาศัยในพื้นที่ที่มีน้ำ บางชนิดอาศัยเฉพาะบนบก และมีบางชนิดดำรงชีวิต เฉพาะในน้ำเท่านั้นเป็นที่น่าสังเกตว่า ถึงแม้เต่าทะเลจะดำรงชีวิตในทะเล แต่ก็ยังคงคุณลักษณะของสัตว์เลื้อยคลานทั่วไป เต่าทะเลมีกระดอง เป็นเกล็ดปกคลุมร่างกาย ยกเว้นเต่ามะเฟือง ที่สิ่งห่อหุ้มร่างกาย มีลักษณะเหมือนหนังแหล่งอาศัยของเต่าทะเล จะไม่พบในบริเวณทื่อุณหภูมิ ของน้ำทะเลแตกต่างจากอุณหภูมิในร่างกายของมัน ดังนั้นจึงพบเต่าทะเลอาศัยอยู่ทั่วไปในเขตร้อยและเขตอบอุ่น เว้นเต่ามะเฟือง ที่สามารถ ปรับตัวให้ดำรงชีวิตในบริเวณน้ำเย็นได้ ข้อสรุปอีกประการหนึ่งที่เต่าทะเลยังคงคล้ายคลึงกับสัตว์เลื้อยคลาน คือ มีอายุยืนและอดอาหารได้เป็น เวลานาน ส่วนเรื่องของอายุขัยของเต่าทะเลยังไม่ทราบชัดเจน แต่คาดว่ามากกว่า 50 ปี การที่เต่าทะเลสามารถดำรงชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากการที่เต่ามีกระดองที่ช่วยในการป้องกันอวัยวะภายในได้เป็นอย่างดี เต่าทั่วไปกระดองจะเป็นรูปโคม เพื่อให้หัวและขาหดเข้าไปได้ เป็นการป้องกันอันตรายจากสัตว์อื่นที่จะทำร้าย ส่วนเต่าทะเลนั้น ไม่สามารถหดหัวและขาเข้าไปกระดองได้ เนื่องจากการที่ดำรงชีวิตอยู่ในน้ำตลอดเวลา ทำให้กระดองได้วิวัฒนาการรูปร่างให้เหมาะสมในการว่ายน้ำ นอกจากนี้เต่าทะเลยังพัฒนา รูปร่างใหญ่กว่าสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น ทำให้ลำไส้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นการช่วยย่อยอาหารได้ดีขึ้น รวมทั้งการที่มีไขมากกว่าสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น ทำให้การดำรงพันธุ์ดีกว่า ส่วนที่เป็นขาของเต่าบกพัฒนาเป็นรูปพายแบนเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการว่ายน้ำ พายคู่หน้าใช้ในการผลักดัน และพุ้ยน้ำ ส่วนพายคู่หลังใช้เป็นเหมือนหางเสือกำหนดทิศทาง เต่าทะเลบางตัวสามารถที่จะว่ายน้ำได้เร็วถึง 35 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือสามารถที่จะ ว่ายน้ำในมหาสมุทรเป็นร้อยๆ ไมล์ การที่เท้าพัฒนาเป็นพายก็มีผลเสียที่ทำให้เคลื่อนไหวบนบกได้ช้า ซึ่งผิดแผกจากเต่าบกหรือเต่าน้ำจืดที่ยังเดิน ได้ดี ทั้งนี้ เต่าทะเลตัวเมียยังมีความจำเป็นที่จะต้องคลานขึ้นมาวางไข่บนหาดทราย เต่าทะเลที่คลานบนบกก็มีลักษณะเช่นเดียวกับสัตว์บก คือ เดินทีละข้าง ยกเว้นเต่าตะนุที่เวลาคลานจะเคลื่อนพายไปในทิศทางเดียวพร้อมกัน เต่าทะเลทุกชนิดมีการวิวัฒนาการตัวเองให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในทะเล และลดการแก่งแย่งกันเอง เช่น การกินอาหารที่แตกต่างกัน การขึ้นมาวางไข่บนหาดที่มีลักษณะและช่วงเวลาที่แตกต่างกัน กระดองก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปรได้ตามสิ่งแวดล้อม เช่น เต่ากระมีสีของกระดอง เข้าสภาพของปะการัง กระดองสีเข้มของเต่าตะนุก็กลมกลืนกับแหล่งหญ้าทะเลที่หากิน เต่าหัวฆ้อนมีขากรรไกรที่เหมาะในการกินหอยและปู ปากที่แหลมคล้ายเหยี่ยวของกระก็ทำให้กินอาหารพวกฟองน้ำตามหินผาได้น้ำสะดวก | |||
สาเหตุการลดลง |
|
โดยมนุษย์ • การใช้ประโยชน์จากเต่าทะเล เช่น เนื้อ ไข่ หนัง กระดอง ไขมัน • การบุกรุกแหล่งวางไข่ เพื่อใช้ประโยชน์ เช่น การท่องเที่ยว •การทำการประมงมีเต่าทะเลติดเครื่องมือประมงโดยไม่ตั้งใจ
อาหารและการกินอาหารของเต่าทะเล
เต่าทะเล เป็นสัตว์ที่กินพืชและสัตว์เป็นอาหาร ส่วนเต่าตนุวัยอ่อนจะกินพวกสัตว์เล็กๆ และเมื่อโตขึ้น จะกิน พืชเพียงอย่างเดียว ส่วนเต่ากระที่จับมากทำการเลี้ยงไว้นั้นสามารถกินสัตว์ได้ โดยธรรมชาติแล้วจะ ไม่พบสัตว์ใน กระเพาะ ของมันตากตัวอย่างที่ได้พบเต่าติดอวนและตายลง เนื่องจากคอหักเมื่อผ่าดูและตรวจ ดูที่บริเวณกระเพาะ ของมัน ปรากฏว่ามีแต่พืช เช่น สาหร่าย (Sargassum sp.) และ สาหร่ายสีเขียว (green algae) อยู่เป็นจำนวนมาก ไม่พบสัตว์ในกระเพาะเต่าตนุ ซึ่งไม่เหมือนกับเต่ากระที่กินอาหารพวกสัตว์เล็กๆ เช่น แมงกะพรุน กุ้ง ปูปลา หอย และพืช รวมทั้งตะไคร่น้ำตามแนวหิน ในระหว่างเวลาในตอนกลางวันจะไม่พบเต่าทะเลในบริเวณน้ำตื้น จึงสันนิษฐานได้ว่าเต่าทะเลคงจะหา กิน ในเวลากลางคืนและช่วงเวลานั้นขึ้น แต่ในบางครั้งพบเต่าทะเลในบริเวณน้ำที่มีความลึกประมาณ 13-15 เมตรในช่วงเวลากลางวันและด้วยเต่าทะเลเป็นสัตว์ที่ใช้ปอดในการหายใจจึงทำให้บ่อยครั้งที่พบเต่าทะเลขึ้น มาหายใจบนผิวน้ำ เมื่อเต่าทะเลขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำก็จะสามารถปรับหรือลดความดันของบรรยากาศภายในได้รวด เร็ว และไม่เป็นอันตรายอันเป็นคุณสมบัติพิเศษกว่าสัตว์น้ำชนิดยกเว้นสัตว์น้ำที่เลี้ยงลูกด้วยนำบางชนิดเท่านั้นนอก จากนี้เต่าทะเลยังมีสัญชาติญาณอีกหลายประการที่น่าสนใจเช่นการรู้ทิศทางของทะเลในการขึ้นมาวางไข่ หรือแม้แต่ลูกเต่าทะเลที่เพิ่งออกจากไข่และหลุมใหม่ๆจะมีความสามารถรู้ทิศทางในการลงสู่ทะเลได้ถูกต้องและความสามารถที่สำคัญอีกอย่างของเต่าทะเลก็คือการรู้เวลาว่าเมื่อใดเป็นเวลาน้ำขึ้นและน้ำลงซึ่งทำให้้เต่าทะเล สามารถ ระบุเวลาที่เหมาะสมได้เป็นต้น
สถานที่เต่าทะเลวางไข่ สถานที่และบริเวณที่เต่าทะเลแต่ละชนิดใช้ในการวางไข่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ เต่าทะเลจะขึ้น ไปวางไข่ในบริเวณหาดทรายที่อยู่เหนือระดับน้ำขึ้น และหาดนั้นจะต้องมีลักษณะ เป็นทรายขาว และสะอาดซึ่งเต่าทะเลจะสร้างรังไข่เหนือระดับที่ขึ้นสูงสุด แต่ก็มีเต่าทะเลบางตัวที่ขึ้นวางไข่ไกลจาก ระดับน้ำขึ้นสูงสุด ถึง 200 เมตร เพศ และลักษณะของเพศในเต่าทะเล เต่าทะเลเพศผู้และเพศเมียแยกอยู่กันคนละตัว (Sex Dimorphism) และอวัยวะสืบพันธุ์จะอยู่ ภายนอกลำำตัว ที่เรียกว่า Intromittent Organ ซึ่งลักษณะเพศของเต่าทะเลจะสามารถเห็น ได้ชัดเจนหรือไม่ชัดเจนก็ขึ้นอยู่กับชนิดของเต่าทะเลเพศของเต่าทะเลจะอยู่ท้ายสุดของลำตัวมีลักษณะคล้ายหาง อวัยวะ เพศผู้จะมี ลักษณะใหญ่ ยาว และโค้งลงเล็กน้อยกว่าอวัยวะเต่าทะเลเพศเมีย ทั้งนี้เพื่อความเหมาะสมในการผสมพันธุ์ กระดองหนังของเพศเมียจะมีลักษณะโค้งออก ด้านข้างเล็กน้อยในเต่าทะเลบางชนิด ส่วนเต่าทะเลเพศผู้จะมี ีกระดองหลังที่นูน และมีส่วนแคบยาวกกว่าเต่าทะเลเพศเมีย ระยางค์คู่หน้าของเต่าทะเลเพศผู้จะมีลักษณะยาวกว่าเต่าทะเลเพศเมีย ลักษณะเพศของเต่าทะเลจะยังไม่ปรากฏให้เห็นชัดในระยะวันอ่อนของเต่าทะเล
การผสมพันธุ์ของเต่าทะเล การผสมพันธุ์ของเต่าทะเลเป็นการผสมพันธุ์แบบภายใน (Internal Fertilization) การผสมพันธุ์ ในแต่ละครั้งของเต่าทะเลใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง และจะอยู่ในช่วงเวลาน้ำขึ้น โดยที่เต่าทะเล เพศผู้จะ ใช้อุ้งเท้า (Forelimp) ประกบจับด้านหลังของเต่าทะเลเพศเมีย หลังจาก นั้นเต่าทะเลเพศผู้ จะขึ้นคล่อมอยู่บนหลังเต่าทะเลเพศเมีย โดยใช้ระยางค์ทั้งสี่จับแน่นพร้อมกันนั้นเต่าทะเลเพศผู้และ เพศเมียจะยื่นอวัยวะเพศของทั้งสองมาพบกัน และเต่าทะเลเพศผู้ก็จะถ่ายน้ำเชื้อ เข้าสู่อวัยวะเพศเมีย เข้าสู่ท่อมดลูกแยกออกเป็นสองท่อ หลังจากนั้นอีกประมาณ 1สัปดาห์แม่เต่าตัวนั้นก็จะขึ้นมาวางไข่ อวัยวะของเต่าและเพศเมีย จะสามารถเห็นได้ชัดเจนในขณะวางไข่ ซึ่งจะมีลักษณะยื่นยาว ออกมา และจะหดเมื่อทำการวางไข่เสร็จ ตัวอย่างเช่น เต่าตนุที่ขึ้นมาวางไข่ที่หาดไม้ขาว ในคืนของ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2507 ออกไข่ 132 ฟอง และสามารถวัดอวัยวะเพศเมียได้ มีขนาดของความยาว ประมาณ 6 นิ้วฟุตเศษ อวัยวะส่วนนี้ประกอบด้วยผิวหนังที่มีความยืดหยุ่น
จำนวนไข่ของเต่าทะเล จากการศึกษาพบว่าเต่าทะเลที่มีอายุน้อยจะออกไข่ได้น้อย ส่วนเต่าทะเลที่มีอายุมากจะมี การออกไข่ได้้มากกว่า จากข้อมูลที่ทำการสำรวจที่ จังหวัดภูเก็ต พบว่าแม่เต่าทะเลวาง ไข่เฉลี่ย แล้วประมาณ 120 ฟอง ต่อ หนึ่งครั้ง และมีจำนวนมากที่สุด 226 ฟอง ต่ำสุด 3 ฟอง และบางหลุม

จำนวนไข่ของเต่าทะเล จากการศึกษาพบว่าเต่าทะเลที่มีอายุน้อยจะออกไข่ได้น้อย ส่วนเต่าทะเลที่มีอายุมากจะมี การออกไข่ได้้มากกว่า จากข้อมูลที่ทำการสำรวจที่ จังหวัดภูเก็ต พบว่าแม่เต่าทะเลวาง ไข่เฉลี่ย แล้วประมาณ 120 ฟอง ต่อ หนึ่งครั้ง และมีจำนวนมากที่สุด 226 ฟอง ต่ำสุด 3 ฟอง และบางหลุมไม่พบไข่เต่าเลย
การดูอายุของเต่า อายุของเต่าทะเลมิได้ตัดสินกันที่ขนาดตัวของเต่าทะเล แต่จะพอใช้การสังเกตจาก ในเต่าทะเลที่มีอายุมาก สีของเกล็ดจะมีสีคล้ำ และมีพวกหอยนางลม เพรียง และสิ่งแปลกปลอมเกาะติดที่กระดองหลัง และสังเกตอายุของเต่าทะเลได้จากการดูจำนวนไข่ที่เกิด ในเต่าที่มีอายุมาก ๆ อาจจะไม่สามารถออกไข่ได้เลย ส่วนในเต่าที่อายุน้อยจะสามารถออกไข่ได้ไม่มาก หรือได้จำนวนที่มาก็เป็นได้ นอกจากนี้ ขนาดของไข่ก็สามารถบอกอายุได้ ถือถ้าเป็นไข่ของเต่าทะเลที่มีอายุมากแล้ว จะมีขนาดของไข่ที่ใหญ่กว่าในแม่เต่าที่มีอายุน้อยๆ
เวลาและอาการในการวางไข่
โดยทั่วไปแม่เต่าทะเลจะขึ้นมาวางไข่ในเวลาเดือนมืด ระหว่างเวลาประมาณ 21.00-04.00 น. อาจจะช้าและเร็วกว่านี้ก็ได้ และถ้าตามปกติแม่เต่าทะเลนั้นจะขึ้นมาวางไข่หลังจากได้รับน้ำเชื้อจาก ตัวผู้ประมาณ 1สัปดาห์ และจะขึ้นมาวางไข่ประมาณ 2-4 ครั้งต่อหนึ่งปีในฤดูวางไข่ ซึ่งจะกินเวลาห่าง กัันประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจาก การวางไข่ครั้งก่อน จำนวนของไข่จะลดลงตามลำดับการวางไข่ ระยะที่มีน้ำขึ้นสูงสุดเดือนมืด ลมแรง และหาก มีฝนตกจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่แม่เต่าจะขึ้นมาวางไข่ และเมื่อขณะที่แม่เต่ากำลังวางไข่ ถ้าถูกรบกวนแม่เต่าจะไม่ยอมออกไข่เลยแม่เต่าทะเลออกไข่เป็นชุดๆ ละ 2 หรือ 4 ฟอง แม่เต่าทะเลที่ทำการวางไข่แล้ว ยังปรากฏว่ามีไข่อยู่ข้างในอีก 2-3 เท่าของไข่ที่ออกมาในครั้ง แรกจาก ผลการสำรวจไข่ภายในของเต่าทะเล (เต่าตนุ) ที่ติดอวนและคอหักตาย เมื่อทำการผ่าดูไข่ ภายในพบว่ามีไข่อ่อน ในระยะต่าง ๆ จำนวน 310 ฟอง เป็นไข่ที่ไม่มีเปลือกหุ้ม ส่วนมากประกอบ ด้วยไข่แดง มีท่อเก็บไข่ 2 ท่อ ซึ่งแต่ละ ท่อมีขนาดความยาวประมาณ 2 เ้มตร และจะมาบรรจบเป็นท่อเดียวที่ใกล้อวัยวะสืบพันธุ์ึ่จาการศึกษาถึงไข่ใน ระยะต่าง ๆ พอที่สรุปได้ว่าแม่เต่าทะเลสามารถ ผลิตไข่ได้ตลอดทั้งปี แต่ในเรื่องของฤดูกาลในการวาง ไข่ยังไม่ทราบแน่ชัด หากจะต้องทำการศึกษากันต่อไป แต่ส่วนมากฤดูวางไข่ของเต่าทะเลจะขึ้นอยู่กับท้องที่ การอยู่ใน บริเวณเส้นรุ้งและความ เปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่เหมาะสม
ศัตรูของไข่และลูกเต่าทะเล
ศัตรูของไข่และลูกเต่าทะเลบนพื้นบกที่สำคัญก็มี คน สุนัขที่ใช้เท้าหน้าขุดหลุม ส่วนแรน (ตะกวดชนิดหนึ่ง) จะใช้หางขุดทรายเอาไข่และลูกเต่าทะเลวัยอ่อนมากินเป็นอาหาร และส่วนในระยะที่ลูกเต่าทะเลออกจากหลุมและลงสู่ทะเลก็อาจตกเป็นเหยื่อแก่นก ปลาใหญ่